กลับมาทำผลงานดีมีคุณภาพอีกครั้ง หลัง อาร์เซน่อล ทุบ บอร์นมัธ ไปได้ 2 ประตู ต่อ 1

---

อาร์เซน่อล สามารถ เอาชนะ บอร์นมัธ 2-1 ที่สนามไวตาลิตี้ สเตเดี้ยม เมื่อวันอาทิตย์ที่ 25 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งเป็น 3 คะแนนสำคัญของ “เดอะ กันเนอร์ส”

สำหรับชัยชนะในเกมนี้ ต้องยอมรับว่าเป็นขวัญกำลังใจที่ดีสำหรับ อาร์เซนอล ในการที่ต้องเปิดบ้านทำศึกนอร์ธ ลอนดอน ดาร์บี้แมตช์ พบ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ในวันที่ 2 ธ.ค.นี้ และถ้าพวกเขาเอาชนะได้ งานนี้การลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ คงจะมี “ม้า” เพิ่มขึ้นมาอีกทีมแน่

5. บรู๊คส์ ปีกอันตราย
เดวิด บรู๊คส์ ทำผลงานได้อย่างโดดเด่นในเกมดวลกับ อาร์เซนอล โดยอดีตดาวเตะเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ซัดให้กับ บอร์นมัธ ไปแล้ว 3 ประตูนับตั้งแต่ย้ายมาร่วมทีมด้วยค่าตัว 4.5 ล้านปอนด์ (ราว 193.5 ล้านบาท) โดยแมตช์ในวันอาทิตย์ที่ผ่านมาเขาเกือบเพิ่มสถิติให้กับตัวเองด้วย

 

 

มิดฟิลด์ทีมชาติเวลส์ วิ่งทะลุแนวรับ อาร์เซนอล ก่อนจะส่งบอลผ่านมือ แบร์นด์ เลโน่ นายด่านทีมเยือนตั้งแต่ต้นเกม แต่โดนปฏิเสธเนื่องจากเป็นจังหวะล้ำหน้า ก่อนที่เขาจะโดนปฏิเสธประตูอีกครั้งจากโอกาสช่วงท้ายครึ่งแรก และก็เป็นลูกล้ำหน้าเหมือนเดิม

อย่างไรก็ตาม บรู๊คส์ แสดงให้เห็นถึงการสัมผัสบอลที่ยอดเยี่ยม และสร้างปัญหาให้กับ อาร์เซนอล ตลอด ก่อนที่เขาจะโชว์ศักยภาพในการผ่านบอลให้ โจชัว คิง ซัดประตูตีเสมอได้สำเร็จ แน่นอนว่า ดาวเตะวัย 21 ปี เป็นปีกที่เต็มไปด้วยเทคนิคแพรวพราวซึ่งสามารถพัฒนาศักยภาพได้อีก และน่าจะเป็นนักเตะที่อันตรายยิ่งขึ้นในอีกหลายปีที่จะมาถึงนี้

 

4. เทพีแห่งโชคไม่ได้อยู่ฝั่ง บอร์นมัธ ?
บอร์นมัธ ทำผลงานได้น่าเหลือเชื่อในฤดูกาลนี้เมื่อนักเตะของพวกเขาโชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่น และเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นทะเยอทะยาน โดยสนามไวตาลิตี้ สเตเดี้ยม ซึ่งเป็นถิ่นเหย้าของพวกเขา เป็นสถานที่ที่สุดแสนยากลำบากสำหรับบรรดาผู้มาเยือนไม่ว่าจะทีมเล็กหรือใหญ่

 

สำหรับในแมตช์นี้ “เดอะ เชอร์รี่ส์” เริ่มต้นได้อย่างดีเยี่ยมด้วยการเปิดเกมบุกเข้าใจ และสร้างโอกาสงามๆ ได้หลายครั้ง อย่างไรก็ตาม เทพีแห่งโชคดันไปอยู่ฝั่ง อาร์เซนอล โดยเฉพาะในครึ่งแรก เพราะ เดวิด บรู๊คส์ โดยจับล้ำหน้า 2 ครั้งทั้งๆ ที่เมื่อดูแล้วการตัดสินไม่ควรจะเป็นแบบนั้น แถมพวกเขายังโชคร้ายเมื่อ  เจฟเฟอร์สัน เลอร์มา  สกัดบอลจากจังหวะการยิงของ เซนัด โคลาซินัช ทำให้บอลเปลี่ยนทิศเข้าประตู

ยังไม่หมดแค่นั้นเพราะ บอร์นมัธ พยายามที่จะทำประตูเพื่อหวังจะคว้าแต้มต่อหน้าแฟนบอลตัวเอง และก็เกือบทำสำเร็จเมื่อในช่วงท้ายครึ่งหลัง เลอร์มา  มีโอกาสแก้ตัวด้วยการซัดเต็มข้อแต่บอลถากเสาไปอย่างน่าเสียดาย แน่นอนว่านี่คือวันแห่งความผิดหวังสำหรับทีมของกุนซือเอ็ดดี้ ฮาว อย่างแท้จริง

 

3. ครึ่งหลัง อาร์เซนอล โชว์เหนือชั้น
หากจะให้พูดกันแบบแฟร์ๆ แน่นอนว่า บอร์นมัธ เป็นทีมที่ดีกว่าในครึ่งแรกเมื่อมองจากโอกาสในการสร้างสรรค์เกม และการโดนปฏิเสธประตูจากจังหวะล้ำหน้า แถมโชคลาภวาสนายังเป็นสาวก “เดอะ กันเนอร์ส” เมื่อพวกเขาได้ประตูนำจากการทำเข้าประตูตัวเองของแข้งเจ้าบ้าน

 

 

กระนั้นทีมของกุนซืออูไน เอเมรี่ แสดงผลงานดีมีคุณภาพในครึ่งหลังอีกครั้ง เหมือนกับเวลาที่พวกเขาต้องตกเป็นรอง ทัพ “ไอ้ปืนใหญ่” ได้โชว์ให้เห็นถึงแรงปรารถนา และความกระตือรือร้นในการที่จะกลับมาสู่เกม และคว้าชัยชนะ แน่นอนว่าเกมวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ก็ไม่แตกต่างกัน

แม้ บอร์นมัธ จะสามารถตีเสมอได้ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บครึ่งแรก แต่เมื่อเริ่มครึ่งหลัง อาร์เซน่อล จัดการครองเกมได้มากขึ้น สร้างสรรค์โอกาสในการทำประตูได้หลายต่อหลายครั้ง และได้จังหวะยิงประตูใส่เจ้าบ้านแบบไม่เกรงใจ จนกระทั่งมาได้  ปิแอร์-เอเมอริก โอบาเมย็อง สวมบทฮีโร่ซัดประตูชัยได้สำเร็จ นั่นทำให้ทีมรักษาสถิติไม่แพ้ใคร 17 เกมติดต่อกันจากการแข่งขันทุกรายการ

 

2. ชัยชนะสำคัญสร้างความมั่นใจก่อนเกมนอร์ธ ลอนดอน ดาร์บี้แมตช์
สำหรับเกมที่ 14 ของ อาร์เซนอล ถือเป็นหนึ่งในแมตช์ที่สุดมหาหินสำหรับพวกเขาจริงๆ เมื่อทีมจะต้องเปิดรัง เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม รับมือ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ทีมคู่อริร่วมตอนเหนือประจำเมืองหลวงประเทศอังกฤษ ซึ่งจะระเบิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 2 ธันวาคมนี้

ต้องบอกว่า สเปอร์ส กำลังอยู่ในฟอร์มฮอตเพราะพวกเขาเพิ่งยำใหญ่ เชลซี คู่แข่งร่วมกรุงลอนดอนไปเรียบร้อยเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ที่สนามเวมบลีย์ ฉะนั้นก่อนแมตช์เยือน บอร์นมัธ นั้น อาร์เซน่อล ต้องพบกับแรงกดดันมหาศาลเพราะพวกเขาสะกดคำว่า “ชนะ” ไม่เป็นมา 3 เกมติดต่อกัน

 

 

แมตช์นี้ อาร์เซนอล เริ่มเกมแบบกระท่อนกระแท่น แต่พวกเขาค่อยๆ พัฒนาฟอร์ม และเริ่มแสดงให้เห็นถึงศักยภาพชั้นยอด จนในที่สุดก็สามารถเฉือนชนะ บอร์นมัธ ได้สำเร็จ และผลการแข่งขันแบบนี้ เอเมรี่ ยอมรับว่าทำให้ผ่อนคลายมากๆ ก่อนจะทำศึกสำคัญกับ “ไก่เดือยทอง”

ยังไม่หมดแค่นั้นเพราะหากพวกเขาสามารถเอาชนะทีมของกุนซือ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ ได้ จะทำให้ อาร์เซนอล มีโอกาสแซงหน้าคู่อริร่วมนอร์ธลอนดอน นอกจากนี้ เอเมรี่ คาดหวังเช่นกันว่าเขาอยากจะลิ้มรสชาติแห่งชัยชนะสำหรับการคุมทีมทำศึกดาร์บี้แมตช์ลอนดอนเหนือเป็นครั้งแรกด้วย

 

1. เอเมรี่ กับ โอซิล สัญญาณอันตราย
บรรดาสาวก “เดอะ กันเนอร์ส” อึ้งกันไปเลยเมื่อ เอเมรี่ ตัดสินใจ ดร็อป เมซุต โอซิล ออกจาก 11 ตัวจริง โดยเหตุผลเพราะเขาต้องการใช้ทีมทีมสามารถรับมือกับสไตล์การเล่นของ บอร์นมัธ ซึ่งเน้นเรื่องการปะทะทางร่างกาย และความกระตือรือร้นรวมทั้งเน้นเรื่องพละกำลัง

ต้องบอกเลยว่านี่เป็นครั้งแรกที่ ดาวเตะชาวเยอรมัน ต้องเริ่มต้นเกมด้วยการนั่งอยู่ที่ม้านั่งสำรองในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ประจำฤดูกาลนี้ แถม เอเมรี่ ไม่ยอมเปลี่ยน จอมทัพตาคม ลงสนามในเกมดังกล่าวซะด้วย แต่กระนั้นก็ไม่ได้มีผลกระทบต่อการเก็บ 3 คะแนนของทีม

 

 

สำหรับตอนนี้ อาร์เซนอล เก็บชัยชนะในการเล่นเกมเยือนไปแล้ว 4 แมตช์ในฤดูกาลนี้ โดย เอเมรี่ ให้ความเห็นเกี่ยวกับการดร็อป โอซิล ว่า “เราคิดว่าเราสามารถทำผลงานได้ดียิ่งขึ้นในวันนี้ นี่เป็นแมตช์ที่จำเป็นต้องเน้นในเรื่องสภาพร่างกาย และเน้นพละกำลัง แต่นักเตะทุกคนมีความสำคัญ วันนี้เราพยายามใช้ 3 เซนเตอร์แบ็ก เราทำงานในวันนี้ และมีความเป็นไปได้ที่จะพัฒนา หรือพบกับฟอร์มที่ดีที่สุดของขุมกำลังเรา”

ส่วนกรณีที่โดนตั้งคำถามว่าเขาไม่เชื่อมั่นในตัว อดีตจอมทัพทีมชาติเยอรมนี ในเรื่องของพละกำลังและความกะตือรือร้น ใช่หรือไม่ โดย เอเมรี่ เผยว่า “ในช่วงต้นฤดูกาลเรามีการพูดกันทุกวันเกี่ยวกับความจำเป็นในการแข่งขัน เราต้องเล่นอย่างมีระบบ เราต้องการคุณภาพเฉพาะตัว เพื่อพัฒนาฟอร์มการเล่นของเรา วันนี้ก็เช่นกัน”

 

ดูบอลสดได้ที่  www.ufabet369.net

ติดตามข่าวสารต่าง ๆ ที่ thaigoodherbal.com