แมน ซิตี้ ชนะ เซาธ์แฮมป์ตัน (6-1) แต่เป๊ปไม่ปลื้ม! เกมรับของทีม

เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กุนซือ แมน ซิตี้ รับไม่พอใจกับเกมรับของทีมที่เล่นพลาด แม้สุดท้ายแล้ว “แมนเชสเตอร์ ซิตี้” จะถล่ม เซาธ์แฮมป์ตัน 6-1 ก็ตาม

แมน ซิตี้ ชนะ เซาธ์แฮมป์ตัน 6 ประตูต่อ 1 เมื่อวันอาทิตย์ที่ 4 พฤศจิกายนที่ผ่านมา..

กวาร์ดิโอล่า ผู้จัดการทีม สมองเพชร ของ แมน ซิตี้ ไม่ค่อยปลื้มเกมรับ “เรือใบสีฟ้า” ยังไม่ดีพอแม้ว่าต้นสังกัดจะระเบิดฟอร์มไล่ถล่ม เซาธ์แฮมป์ตัน เละเทะ 6-1 ที่สนามเอติฮัด สเตเดี้ยม เกมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 4 พฤศจิกายนที่ผ่านมา

ราฮีม สเตอร์ลิง ซัดประตูก่อนพักครึ่งช่วยทำให้ แมน ซิตี้ นำห่าง 4-1 ซึ่งถือเป็นประตูสำคัญมากๆ เพราะทำให้ “นักบุญ” ยากจะหาทางกลับคืนสู่เกมได้ในครึ่งหลัง โดย “เป๊ป” เปิดใจว่าแม้ทีมจะยิงประตูได้เยอะ แต่ก็อดหวั่นไหวกับเกมรับที่พลาดในจังหวะไม่ควรพลาด

“เราทำหลายๆ อย่างได้ดีมากๆ ในช่วง 20 นาทีแรกมันเป็นฟอร์มที่สุดยอด และเกมบุกของเราก็ดีเยี่ยม สำหรับเกมแบบนี้ผมย่อมรู้สึกดี แต่ในขณะเดียวกันเราเล่นเกมรับไม่ค่อยดีนัก แม้ว่าสกอร์จะนำ 6-1 แน่นอนว่าผมพอใจ เราโชคดีที่ยิงประตูที่ 4 ได้ในช่วงนาทีสุดท้ายของครึ่งแรกเพราะมันไม่อย่างนั้นแล้วเกมอาจจะพลิกได้หลังจากพักครึ่ง”

“หากมองในเรื่องของทีม เขา (มาร์ค ฮิวจ์ส) มีความกระหายมากๆ และวันนี้เรามีความเฉียบคมมากกว่า โดยเฉพาะในครึ่งแรก และเรารู้สึกว่าเราสร้างโอกาสได้มากมายจริงๆ แต่เมื่อพวกเขาได้บอลในแดนกลาง เราไม่สามารถควบคุมเกมได้ พวกเขาเอาชนะในการแย่งบอลจังหวะสอง และนั่นถือว่าเรายังขาดเสถียรภาพในการเล่น ฉะนั้นประตูที่สี่มีความสำคัญจริงๆ”

กวาร์ดิโอล่า ระบุ…

สนาม: เอติฮัด สเตเดี้ยม, (แมนเชสเตอร์)

“เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จัด ราฮีม สเตอร์ลิ่ง, เซร์คิโอ อเกวโร่ “กุน”, เลรอย ซาเน่ ลงยืนเป็นสามประสานแดนหน้า พร้อมได้ แบร์นาร์โด้ ซิลวา, แฟร์นานดินโญ่, ดาบิด ซิลบา ลงทำเกมแดนกลาง

ทางด้าน “นักบุญแดนใต้” เซาธ์แฮมป์ตัน ให้ เชน ลอง กับ เนธาน เร้ดมอนด์ ปั้นเกมสนับสนุน แดนนี่ อิงก์ส เข้าทำประตู

ออกสตาร์ท ครึ่งแรกมาได้แค่ 6 นาที เรือใบสีฟ้า ขึ้นนำเร็ว 1-0 จากจังหวะที่ เวสลี่ย์ ฮุดท์ กองหลังของนักบุญ ทำบอลเข้าประตูตัวเองไป

ยิงขู่แมนยู! สเตอร์ลิงเบิ้ล-แมนซิตี้โหดถล่มเซาธ์ฯเละ ทวงจ่าฝูงคืน

เกมดำเนินมาถึงนาทีที่ 12 แมนฯซิตี้ นำห่าง 2-0 จากจังหวะที่ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง เปิดบอลให้กับ เซร์คิโอ อเกวโร่ “กุน” กองหน้าชาวอาร์เจนไตน์ ยิงด้วยขวาจ่อๆเสียบมุมขวาเข้าไปตุงตาข่าย และเป็นประตูที่ 150 ของ อเกวโร่ “กุน” ในการลงเล่นในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ

หกนาทีต่อมา แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มาได้ประตูนำขาด 3-0 เมื่อ เลรอย ซาเน่ เปิดบอลให้กับ ดาบิด ซิลบา ยิงด้วยซ้ายจากกลางกรอบเขตโทษบอลเสียบมุมซ้ายบนเข้าไปอย่างสวยงาม

ครึ่งชั่วโมงของเกมการแข่งขัน นักบุญแดนใต้ มาได้จุดโทษจากจังหวะที่ แดนนี่ อิงก์ส หลุดเข้าไป แต่โดน เอแดร์ซอน นายทวารของแมนฯซิตี้ รวบล้มลงไป ผู้ตัดสินชี้ทันที ก่อนที่ แดนนี่ อิงก์ส ลุกขึ้นมาสังหารเอง ยิงด้วยขวาเสียบมุมขวาเข้าไปให้ เซาธ์แฮมป์ตัน ไล่มา 1-3

ช่วงทดเวลาบาดเจ็บครึ่งแรกนาทีที่ 45+2 เรือใบสีฟ้า มาได้ประตูที่สี่ เมื่อ เซร์คิโอ อเกวโร่ “กุน” ทำชิ่งกับ ดาบิด ซิลบา ที่เบิ้ลคืนให้ บอลทำท่าเหมือนจะยาวไปแล้ว แต่ อเกวโร่ “กุน” ไปเบียดแย่งมาจาก เซดริค โซอาเรส กองหลังของนักบุญได้

ก่อนที่ อเกวโร่ จะเปิดเข้าในให้กับ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ยิงจังหวะแรกโดนไม่เต็ม บอลไม่ไปไหน สเตอร์ลิ่ง เลยหวดด้วยซ้ายซ้ำอีกครั้ง บอลเข้ากลางประตูไปช่วยให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ขึ้นนำก่อน 4-1 เมื่อหมดครึ่งแรก

ครึ่งหลัง แมนฯ ซิตี้ยังบุกเข้าใส่อย่างต่อเนื่อง และนาทีที่ 48 แบร์นาร์โด้ ซิลวา จ่ายบอลให้กับ ราฮีม สเตอร์ลิง ยิงด้วยเท้าขวาจากกลางเขตโทษแต่โดนเซฟได้

นาทีที่ 55 เซาธ์แฮมป์ตันมีโอกาสเมื่อ เจมส์ วอร์ด-เพราส์ เปิดบอลเข้าไปให้ แดนนี่ อิงส์ โหม่งจากกลางเขตโทษแต่โด่งข้ามคานออกไปอย่างน่าเสียดาย

นาทีที่ 62 เซร์คิโอ อเกวโร่ จ่ายบอลให้กับ ลีรอย ซาเน่ ใกล้เขตโทษทางขวาก่อนจะแตะเข้าซ้ายยิงโค้งไปเสาไกลแต่ชนเสาออกไปนิดเดียว

จากนั้น นาทีที่ 67 ลูกทีมของ “เป๊ป” หนีไปไกลเป็น 5-1 ทันที กุน อเกวโร่ จ่ายบอลถึง ราฮีม สเตอร์ลิง ก่อนกดด้วยขวาบอลพุ่งเลียดเสียบเสาสองเข้าไปอย่างเด็ดขาด เป็นประตูที่สองของปีกสิงโตคำรามในเกมนี้

ช่วงทดเวลาเจ็บ “เรือใบสีฟ้า” มาได้ประตูตอกย้ำชัยจากจังหวะที่ สเตอร์ลิง ไหลบอลให้ ซาเน่ กดด้วยซ้ายเข้าไปให้ จบเกม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไล่ถล่ม เซาธ์แฮมป์ตัน 6-1 แซง ลิเวอร์พูล ขึ้นไปรั้งจ่าฝูงแบบเดี่ยวๆ มี 29 คะแนน หนี “หงส์แดง” และเชลซี 2 แต้ม ส่วน “นักบุญ” สถานการณ์ของทีมแย่อยู่โซนท้ายตารางมีคะแนนมากกว่าโซนตกชั้นแค่สองคะแนนเท่านั้น

รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม

แมนฯ ซิตี้: เอแดร์ซอน – ไคล์ วอล์คเกอร์, จอห์น สโตนส์ (แว็งซ็องต์ ก็อมปานี น.68), เอมเมอริค ลาป๊อร์กต์, แบ็งฌาแม็ง เมนดี้ – แบร์นาร์โด้ ซิลวา, แฟร์นานดินโญ่ (ฟาเบียน เดลฟ์ น.79), ดาบิด ซิลบา (ฟิล โฟเด้น น.72) – ราฮีม สเตอร์ลิ่ง, เซร์คิโอ อเกวโร่ “กุน”, เลรอย ซาเน่

เซาธ์แฮมป์ตัน: อเล็กซ์ แม็คคาร์ธี่ – เซดริค โซอาเรส, แจ็ค สตีเฟ่นส์, เวสลี่ย์ ฮุดท์, ไรอัน เบอร์ทรานด์ – เจมส์ วอร์ด-พราวส์ (ไมเคิล โอบาเฟมี่ น.73), มาริโอ เลอมิน่า, ปีแอร์-เอมิล ฮอยเบิร์ก – เชน ลอง, เนธาน เร้ดมอนด์ (โมฮาเหม็ด เอลยูนุสซี่ น.73) – แดนนี่ อิงก์ส (สจ๊วร์ต อาร์มสตรอง น.82)

อีกหนึ่งช่องทางในการติดตามข่าวสาร