
ในช่วงหน้าร้อนแบบนี้ หลายๆ คนคงเตรียมหนีร้อนเก็บกระเป๋าไปทะเล หรือตีตั๋วไปพักผ่อนต่างประเทศกันเลยใช่ไหมค่ะ เพราะไม่อยากอยู่เมืองไทยที่มีอากาศร้อนอบอ้าว แต่จริงๆ แล้วเราไม่จำเป็นที่จะต้องออกเดินทางไปไหนไกล เพียงแค่รู้จักหลักในการออกแบบบ้านคุณก็สามารถอยู่เมืองไทยในช่วงหน้าร้อนได้อย่างเย็นสบายๆ แล้วละค่ะ
การอยู่อาศัยในพื้นที่เขตร้อนชื้นอย่างประเทศไทยนั้น การระบายอากาศในบ้านถือเป็นเรื่องที่ต้องให้สำคัญ ด้วยสภาพอากาศที่มีความชื้น แม้แต่ตัวเราเองก็ยังรู้สึกร้อนและเหนียวตัว ซึ่งสภาพอากาศที่ว่านี้ก็มีผลต่อบ้านของเราด้วยเช่นกัน เพราะความชื้นนั้นจะทำให้บ้านกักเก็บความร้อนได้เป็นอย่างมาก และเมื่ออุณหภูมิภายในบ้านสูงขึ้นเครื่องปรับอากาศและอุปกรณ์ไฟฟ้าก็ต้องทำงานเพิ่มขึ้นอีก แถมอากาศนิ่งภายในบ้านที่ไม่ถูกถ่ายเทยังก่อตัวเป็นเชื้อแบคทีเรียได้อีกด้วย เหล่าสถาปนิกจึงคิดค้นแนวทางการออกแบบบ้านที่เหมาะกับสภาพอากาศร้อนชื้น โดยการหาวิธีระบายความชื้นและความร้อนออกจากตัวอาคาร

“ระบายอากาศในบ้าน” ด้วยลมจากธรรมชาติ
Natural Ventilation หรือ การระบายอากาศในบ้านด้วยธรรมชาติเป็นแนวคิดทางสถาปัตยกรรมที่ออกแบบบ้าน ให้ลมจากธรรมชาติพัดผ่านเข้ามาได้อย่างอิสระ นำพาความร้อนและความชื้นออกจากตัวบ้านในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง โดยการออกแบบที่ว่านี้จะต้องอาศัยความเข้าใจเรื่องทิศทางของลมประจำปี แล้วจึงจะใช้เทคนิคที่ทำให้ลมพัดเข้าและออกจากบ้านได้อย่างพอเหมาะ แถมยังต้องกำหนดขนาดและตำแหน่งของช่องลม เพื่อให้เกิดการระบายอากาศที่มีประสิทธิภาพสูงสุด การระบายอากาศด้วยธรรมชาติยังเป็น Passive Cooling ที่นอกจากจะช่วยทำให้คุณภาพอากาศภายในบ้านดีขึ้นแล้ว ยังไม่ต้องพึ่งพาเครื่องปรับอากาศและไม่สิ้นเปลืองพลังงานอีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นการใช้ประโยชน์จากธรรมชาติได้อย่างคุ้มค่า ช่วยให้บ้านเย็นสบายและน่าอยู่ยิ่งขึ้น

Cross Natural Ventilation
เป็นการระบายอากาศโดยใช้ลมประจำท้องถิ่น มีการเจาะช่องหน้าต่างหรือช่องระบายอากาศที่ผนังอย่างน้อยสองด้าน เพื่อให้ลมเดินทางผ่านทะลุตัวอาคาร โดยนำความร้อนและความชื้นออกไปสู่ภายนอก ด้านหนึ่งจะเปิดหน้าต่างหรือออกแบบช่องลมเพื่อรับลมเข้า ส่วนอีกด้านจะเปิดเพื่อให้ลมออก ซึ่งข้อสำคัญของ Cross Natural Ventilation คือต้องออกแบบขนาดและตำแหน่งของช่องลมให้อยู่ในทิศทางที่เหมาะสม หรือออกแบบบ้านโดยวางด้านยาวของบ้านพาดขวางทิศทางลม เพื่อให้หน้าต่างหรือช่องระบายอากาศรับลมและระบายลมออกได้ การระบายอากาศสไตล์นี้เหมาะสำหรับบ้านที่ไม่มีพื้นที่มากจนเกินไป ทำให้อากาศสามารถกระจายตัวได้อย่างทั่วถึง

Stack Natural Ventilation
อีกหนึ่งรูปแบบของการระบายอากาศในบ้านโดยใช้ความแตกต่างของอุณหภูมิ เป็นการออกแบบบ้านที่ทำให้มวลอากาศร้อนลอยตัวขึ้นที่สูง และระบายอากาศร้อนออกไปสู่ด้านบนของตัวอาคาร ซึ่งตามหลักการแล้วมวลอากาศร้อนนั้นจะมีความหนาแน่นน้อยกว่ามวลอากาศเย็น ทำให้อากาศร้อนมักจะลอยตัวขึ้นที่สูงเสมอ และเมื่ออากาศร้อนลอยตัวขึ้น ก็จะมีพื้นที่มากพอให้มวลอากาศเย็นไหลเข้าสู่ตัวบ้านและเข้ามาแทนที่มวลอากาศร้อนโดยอัตโนมัติ โดยการระบายอากาศแบบ Stack Natural Ventilation นั้นเหมาะกับอาคารที่มีจำนวนชั้นมากๆ หรือบ้านที่ออกแบบด้วยหลังคาทรงสูง เพราะจะสามารถสร้างช่องระบายอากาศบริเวณส่วนบนของตัวอาคารได้ และบริเวณด้านข้างอาจจะเจาะหน้าต่างเพิ่ม ให้อากาศภายนอกไหลเข้าสู่ตัวบ้านและผลักอากาศร้อนขึ้นสู่ด้านบน
นอกจากการระบายอากาศแบบ Cross Natural Ventilation และ Stack Natural Ventilation แล้ว ยังมี Single-sided Natural Ventilation ที่เป็นการระบายอากาศโดยใช้ช่องเปิดด้านเดียว เหมือนกับบ้านทั่วๆ ไปที่เราเคยเห็นกัน ซึ่งช่วยให้อากาศภายในบ้านถ่ายเทสะดวกยิ่งขึ้น แต่อาจไม่มีประสิทธิภาพมากเท่าสองแบบแรก
ไม่เพียงแต่รูปแบบของบ้าน แต่ทิศทางของลมประจำปีก็มีผลต่อการระบายอากาศด้วย โดยปกติลมจะพัดมาจากทุกทิศทาง แต่ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงกันยายน ลมจะประจำอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้และทิศใต้ ส่วนช่วงเดือนตุลาคมถึงมกราคม ลมจะประจำอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือและทิศเหนือ ดังนั้นถ้าอยากสร้างบ้านที่ระบายอากาศมากที่สุด ต้องสร้างช่องรับลมของบ้านให้หันไปในทิศทางของลม และอาจจะปรับสภาพแวดล้อมโดยรอบให้มีอุณหภูมิต่ำลงก่อน ด้วยการปลูกต้นไม้หรือสร้างบ่อน้ำ เพื่อให้ลมพัดพาอุณหภูมิที่เย็นลงเข้ามาในบ้าน
แนวคิดระบายอากาศในบ้านด้วยลมจากธรรมชาติ ถือเป็นการลดการใช้พลังงานและสร้างความร่มรื่นเย็นสบายให้กับผู้พักอาศัยได้เป็นอย่างดี ก่อนที่จะวางแผนสร้างบ้านหรือซื้อบ้าน อย่าลืมสำรวจแบบแปลนบ้านว่าเป็นอุปสรรคต่อการพัดของลมหรือไม่ แล้วสามารถปรับเปลี่ยนการออกแบบตรงไหนได้บ้าง เพื่อที่จะระบายอากาศในบ้านและสร้างสภาวะน่าสบาย ให้กับคุณและคนในบ้านได้อย่างแท้จริง
ขอบคุณแหล่งที่มา: www.tipsdd.com